Posted by: สิงห์ขาว | สิงหาคม 12, 2008

บูชาแม่

๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๑
ฑีฆายุกา โหตุ มหาราชินี

 

 “แม่” ของลูก….แม่ของโลก ๑

โดย พระครูสีลวัฒนาภิรม

“แม่” ในทัศนะของพระพุทธเจ้า

เมื่อครั้งที่พระผู้มีพระภาคเจ้า เสวยพระชาติเป็นดาบส ชื่อโสณบัณฑิต พระองค์ทรงประกาศเรื่อง “แม่เป็นผู้ทำกิจที่ทำได้ยาก” แด่พระราชาในชมพูทวีป โดยกล่าวคาถาใน โสณนันทชาดกสัตตนิบาต ว่า

“แม่ เมื่อหวังผลคือบุตร ย่อมนอบน้อมต่อเทวดาถามถึงฤกษ์ ฤดู และ ปี

เมื่อแม่อาบแล้วในเพราะระดู, สัตว์เกิดในครรภ์ ย่อมก้าวลงด้วยเหตุนั้น มารดาท่านจึงเรียกว่า “โฑหฬินี” (หญิงแพ้ท้อง) ด้วยเหตุนั้นท่านจึงเรียกว่า “สุหทา” (หญิงมีใจดี)

แม่นั้นถนอมครรภ์ ปีหนึ่งหรือหย่อนปีหนึ่งจึงคลอด ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงเรียกว่า “ชนยนตี” “ชเนตตี” (ผู้ยังบุตรให้เกิด)

แม่ปลอบโยนบุตรผู้ร้องไห้ ด้วยน้ำนม ด้วยเพลงขับ และเครื่องกกคืออวัยวะ ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงเรียกว่า “โปเสนตี” (ผู้เลี้ยงดู)

ทรัพย์ของแม่ของพ่อที่มีอยู่ แม่คุ้มครองทรัพย์ไว้เพื่อบุตรด้วยหวังว่า ทรัพย์ทั้งหมดนี้ควรเป็นของบุตรเรา

แม่พร่ำสอนบุตรเสมอว่า อย่างนี้ลูก อย่างโน้นลูก เป็นต้น ย่อมเดือดร้อนด้วยประการฉะนี้ เมื่อบุตรหนุ่ม ถ้าแม่รู้ว่าบุตรหลงใหลอยู่กับภรรยาคนอื่น หรือค่ำคืนดึกดื่นไม่กลับมา แม่เดือดร้อน”
 

“แม่ เป็นพรหมของบุตร” 
แม่และพ่อ ท่านทั้งสอง เราเรียกว่า “พรหม” เพราะท่านมีความประพฤติเช่นเดียวกับพรหม คือ

๑. เมตตา เมื่อบุตรอยู่ในท้อง เมตตาก็เกิดขึ้น ด้วยรำพึงว่า “เมื่อไรเราจึงจะเห็นลูกน้อย” และภาวนาอยู่เสมอว่า “ขออย่าให้ลูกมีโรคภัยไข้เจ็บ ขอให้มีอาการ ๓๒ ครบบริบูรณ์”

ความรักที่แม่มีต่อลูกจึงต่างกับผู้อื่นที่เขาจะรักเรา เขาจะพิจารณาที่ รูป, ทรัพย์ และวิชา ด้วยรักเพราะต้องประสงค์ และหวังผลได้จากตัวเรา มากกว่าเกื้อกูลกัน แต่ในความรักของแม่ ท่านรักเราอย่างปราศจากเงื่อนไขตอบแทน

๒.กรุณา แม่ทุกคนต่างเป็นห่วง เป็นใยในตัวลูก ตั้งแต่เป็นทารก ต้องคอยดูแล ยุงก็ไม่ให้ไต่ ไรก็ไม่ให้ตอม ในบางครั้งแม่ต้องกลายเป็นคนโหดร้ายกับสิ่งที่มาทำร้ายลูก เสียงที่ลูกร้องมันทุกข์ทรมานหัวใจแม่ ท่านทนไม่ได้ ต้องดิ้นรน เอาใจใส่ในการช่วยเหลือลูกทันที แม้ตัวเองจะทุกข์ยากเพียงไร ก็ไม่เป็นอุปสรรค ขอให้ได้ช่วยลูกของตนพ้นจากความทุกข์เท่านั้น

๓. มุทิตา พลอยยินดีด้วยกับการเจริญวัยของบุตร เปรียบเป็นน้ำทิพย์ชโลมจิตใจพ่อแม่ ให้ท่านทั้งสองมีจิตใจที่อ่อนโยน มีความสุขที่ได้เห็นบุตรน้อยน่ารัก น่าเอ็นดู เมื่อลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มีความเจริญก้าวหน้า ประสบความสำเร็จในชีวิต พ่อแม่ก็พลอยอิ่มใจด้วยเสมอ

๔. อุเบกขา แม่เป็นผู้ที่มีจิตใจเที่ยงธรรม มีสติปัญญารู้ว่าสิ่งใดควรทำและไม่ควรทำให้ลูก เมื่อใดควรให้โอกาสลูกได้ฝึกหัด เพื่อให้ลูกของตนได้เลี้ยงดูตนเอง และครอบครัวต่อไปในอนาคต แต่ยามใดที่ลูกต้องการความช่วยเหลือ แม่จะเข้าไปเป็นธุระทันที

พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนพ่อแม่ ถึงหน้าที่ที่พึงมีต่อบุตร ดังนี้

๑. ห้ามไม่ให้ลูกกระทำชั่ว ทั้งต่อตระกูล สังคมและประเทศชาติ

๒. สั่งสอน อบรมให้ลูกกระทำแต่ความดี

๓. สนับสนุนอุปการะให้ลูกได้รับการศึกษาจนสุดความสามารถ เพื่อประกอบอาชีพต่อไป

๔. เมื่อลูกสมควรจะมีภรรยา สามี ก็จัดการเป็นธุระตกแต่งให้ตามฐานะด้วยความพอใจ

๕. ในสมัยที่ลูกควรจะรับทรัพย์สมบัติ เพื่อเอาไปเป็นกำลังประกอบอาชีพ ก็มอบให้ตามฐานะ

ขอขอบคุณ : 

http://play1.net63.net/q/q31.jpg : ภาพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชานีนารถ


ใส่ความเห็น

หมวดหมู่